การเทรดด้วย Keyzone

การเทรดด้วย Keyzone มีแนวคิดมาจากการเทรดกราฟเปล่าของผม โดยหลักการไม่ได้มีอะไรซับซ้อน โดยที่จะใช้จุดสูงสุดต่ำสุด 8 และ 21 วัน ในการบอกสัญญาณซื้อขาย โดยปกติจะใช้กราฟเปล่าและหาแนวรับด้วยตาเปล่า แต่เมื่อเทรดกับกลุ่มคนที่เทรดด้วยกัน เพื่อความสะดวกในการสื่อสารเลยเขียนเป็นอินดิเคอร์ขึ้นมาเพื่อง่ายต่อความเข้าใจ

Keyzone Indicator

โดยที่เส้นสีเขียว จะเรียกว่า Keyzone 8 ซึ่งใช้จุดต่ำสุดและจุดสูงสุดของแท่งเทียน 8 แท่งก่อนหน้า ในการคำนวณ และเส้นสีส้มเรียกว่า Keyzone 21 ใช้จุดต่ำสุดและสูงสุดของแท่งเทียน 21 แท่งก่อนหน้าในการคำนวณ โดยจะใช้เทรดควบคู่ไป MACD ผสมไปกับการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิคอื่น ๆ เข้าร่วม โดยที่เลข 8 และ 21 มาจากเลขจำนวนฟีโบนัชชี

สัญญาณซื้อขาย

เมื่อราคาตัดเส้นสีเขียวด้านบน จะถือว่าเป็นสัญญาณซื้อและถ้าตัดเส้นสีส้มด้วย จะถือว่าสัญญาณนั้นแข็งแกร่งมาก ส่วนถ้าตัดเส้นด้านล่างจะเป็นสัญญาณขาย โดยเราจะเทรดบน Daily Timeframe เป็นหลัก แต่สามารถเทรด 4H Timeframe ในทิศทางเดียวกับ Daily Timeframe ได้

สัญญาณซื้อขาย

แต่การที่ราคาเกิดสัญญาณซื้อขายอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อการทำกำไรที่คุ้มค่าเสี่ยง เราต้องมี Trading Set up ที่ทำกำไรคุ้มค่าเสี่ยงด้วย ซึ่งหลัก ๆ จะมี 2 Set up ที่ผมใช้เทรดเป็นประจำ

Breakouts Setup

เป็นการเข้าซื้อเมื่อทะลุกรอบสะสม ในกราฟรายวัน โดยจะพิจารณาล็อคกำไรและตั้งจุดตัดขาดทุนใต้แนวรับ โดยที่ขายใต้แนวรับรายวัน ต้องขาดทุนไม่เกิน 2% ของเงินทั้งพอร์ต โดยที่สามารถเล่นได้ทั้ง Long และ Short

Breakouts Setup

Pullback Setup

เข้าเทรดเมื่อเกิดแท่งเทียนกลับตัวบริเวณแนวรับแนวต้าน โดยที่จุดขาดทุนตั้งต้น 2% จะอยู่บริเวณเหนือหรือข้างล่างเส้น Keyzone 8 เส้นสีเขียว ขึ้นอยู่กับว่าเป็นฝั่งซื้อหรือขาย โดยสัญญาณเข้าซื้อจะใช้ 4H Timeframe ในการเข้าซื้อ

Pullback Trading
ใช้ 4H Timeframe ในการเข้าเทรด

Divergence Setup

เข้าเทรดเมื่อเกิดสัญญาณ Divergence โดยที่จุดขาดทุนเริ่มต้นอยู่ที่ใต้แนวรับ Keyzone 8 ไม่เกิน 2% ของจำนวนเงินรวมทั้งหมดของพอร์ต

Trend Following Setup

ใช้ได้หลังจากตลาดปรับตัวรุนแรงมาก และเริ่มทำฐานกว้าง (Flat base) และเริ่มทะลุเป็นขาขึ้น โดยที่ตลาดโดยรวมจะกลับมาคึกคักผลัดกันขึ้น ซึ่ง 1 ปีจะเกิดแค่ 1-2 ครั้ง โดยประมาณ เราสามารถจะซื้อถัวเฉลี่ย 3 ไม้ หลังจากทะลุแนวต้าน 4H โดยรักษาสัดส่วนของการขยับ SL ให้ไม่ขาดทุนมากกว่าไม้แรกเสมอ เช่น ซื้อถัวครั้งที่ 1 จุดตัดขาดทุน 1% ซื้อถัวครั้งที่สองต้องขาดทุนไม่เกิน 1% หรือถัวแบบมีกำไรก็ได้ ด้วยการเทรดที่สองให้น้อยลง แต่บางคนก็ชอบสะสมไม้เท่า ๆ กันเพื่อไปขายทีเดียว อันนี้แล้วแต่สไตล์ของเทรดเดอร์

หลังจากครบสามไม้แล้ว ก็หาจังหวะขยับแนวรับเพื่อล็อคกำไรและปล่อยรันเทรนด์ ซึ่งแล้วแต่ความพอใจ สำหรับคนมองว่าจะขึ้นไปไกลก็ทนถือโดยขยับ SL ใช้ 4H ในการล็อคกำไร แต่ถ้าทนแรงเหวี่ยงได้เยอะก็ใช้ Daily Timeframe ในการขยับจุดตัดขาดทุน

การรันเทรนด์

Traling Stop

การเลื่อนจุดตัดขาดทุนหรือล็อคกำไรให้ทำโดยใช้ 4H Timeframe เป็นหลัก

Trailing Stop

โดยขยับหลังจากทดสอบแนวรับแนวต้านของ 4H และทะลุขึ้นไป จึงค่อยขยับจุดตัดขาดทุน

การขยับจุดตัดขาดทุน

Risk management

โดยปกติสามารถเทรดหลายตลาดได้ แต่จะคุมความเสี่ยงตั้งต้น (Initial Risk) ไม่ให้เกิน 2% เสมอ กรณีจะเข้าเทรดตัวใหม่ ต้องล็อคความเสี่ยงของตัวที่ถืออยู่ให้มากกว่า 0% เสียก่อนค่อยเพิ่มตัวใหม่เข้าไป

หลายคนสับสนกับคำว่า 2% ซึ่งจริง ๆ ไม่ได้ซับซ้อน ถ้าเรามีเงินทุนในการเทรดรวมทั้งหมดไม่ว่าพอร์ตไหนก็ตาม 100,000 บาท เราควรตัดขาดทุนไม่เกิน 2,000 บาท รวมค่าธรรมเนียมแล้ว ซึ่งอาจจะน้อยกว่านั้นได้ไม่ผิด แต่ถ้าน้อยกว่า 0.5% การเติบโตของพอร์ตอาจจะช้าเกินไป ตัวเลข 2% คือความเสี่ยงสูงสุดที่ยอมรับได้

สรุปส่งท้าย

วิธีเทรดนี้เป็นวิธีเทรดที่สามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องจริง เนื่องจากผ่านการทดลองเทรดทั้งคริปโต ตลาดหุ้นไทย ต่างประเทศ รวมถึง Forex โดยปัจจุบันผมก็ยังเทรดวิธีนี้อยู่ และเน้นเทรดตัวที่มีความผันผวนสูงเป็นหลัก

ใส่ความเห็น

Comments (

0

)