การตกผลึกในช่วงวิกฤตของการเทรดของผม

หลังจากพยายามลองผิดลองถูกโดยการเอาชนะตลาดด้วยกลยุทธต่าง ๆ มากมาย และในช่วงวิกฤตของชีวิตการเทรด ได้เรียนรู้อะไรมากมายในเวลาอันสั้น เลยขอเขียนสรุปขั้นตอนการเทรดที่มีประสิทธิภาพที่สุดในตลาดคริปโตเอาไว้ที่นี้ บทความนี้เกิดจากสิ่งที่ผมตกผลึกมาจากการเทรดลองผิดลองถูกนับไม่ถ้วน ในสายเก็งกำไรระยะสั้น

จังหวะในการเทรดที่ดีที่สุดมาแค่วันละ 1-2 ครั้งเท่านั้น 

จากการพยายามลองผิดลองถูกหา setup ต่าง ๆ ไม่ว่าจะ setup ไหนก็ตาม ไม่มีทางที่จะชนะตลาดได้ตลอดทุกช่วงเวลาของวัน และยิ่งไปศึกษาเทรดเดอร์ที่เก่ง ๆ เค้าก็จะมีช่วงเวลาในการเทรดและจังหวะการเข้าเทรดที่มีนัยยะสำคัญ จากการลองศึกษาการใช้ setup ต่าง ๆ และการเข้าออกตามระบบ 1m ไม่มีวิธีไหนสามารถทำเงินชนะตลาดได้เลย จากการลองมาเยอะมาก เป็นร้อย ๆ วิธี อาจจะมีคนเจอแต่ผมไม่เจอ แต่วิธีเทรด 1m ที่ดีที่สุดคือการหาจังหวะเข้าที่ดีที่สุด ซึ่งจะมาแค่ 1-2 ครั้งต่อวัน 

เทรดคริปโตทีละ 1-2 ตัว ให้เชี่ยวชาญ

สำหรับนักเก็งกำไรที่เทรดบ่อยด้วยกราฟ 15m การเทรดตัวเดียวให้เชี่ยวชาญ จะทำให้เรารู้ลักษณะและนิสัยการทำรูปแบบกราฟของตัวนั้นได้เป็นอย่างดี โดยเราจะโฟกัสเทรดแค่ 1-2 ตัว ต่อช่วงเวลา โดยคัดตัวที่มี story เด่น ๆ ของแต่ละรอบมาเทรดไปจนจบรอบ 

โอเวอร์เทรดมาง่ายกว่าที่คิดมาก

การเทรดสั้น โอเวอร์เทรดมาง่ายกว่าที่คิดมากและเรามักไม่รู้ตัวว่าเรากำลังโอเวอร์เทรด จนเราจะเสียหายหนักในระดับหนึ่ง ซึ่งการโอเวอร์เทรดมาจากการที่เราตัดขาดทุนครั้งแรก และกราฟมีรูปแบบที่เหมือนจะไปตามที่เราคิดอีกครั้ง แต่พอเข้าเทรดเราก็โดนกินอีกรอบ เงินที่เสียไปอย่างรวดเร็ว และอารมณ์เรา ณ ตอนนั้น เราจะอยากได้คืนไว จนละเลยแผนและความเสี่ยงทุกอย่าง คล้ายกับคนเล่นพนันเสีย แต่สิ่งที่จะช่วยเราได้มาก ที่สุดก็คือ ทุกสิ่งที่เขียนไว้ในนี้ 

ต้องวิเคราะห์ทั้งเชิงลึกและรอบด้านก่อนเข้าเทรดเสมอ

การวิเคราะห์เชิงลึกก็คือ ข้อมูลของสินค้าที่จะเทรดและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงกราฟในแง่มุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แนวรับแนวต้าน ทฤษฏี Wykoff รวมไปถึง Chart pattern ในหลากหลาย Timeframe กับคิดในแง่ของเกมการเงินไว้ด้วย เช่น รายใหญ่อาจจะทุบทำ False break ก่อนจะลากขึ้นไปหรือคิดในมุมของเจ้ามือที่จะพาราคาขึ้นไปได้โดยสลัดรายย่อยให้หมด ทุกปัจจัยยิ่งคิดให้ละเอียดยิ่งมีคุณภาพในการตัดสินใจต่อการวางแผนเข้าเทรดมากขึ้น และเมื่อผิดพลาด จะไม่แก้ไม้เทรดซ้ำ แต่จะกลับมาวิเคราะห์ใหม่และรอ setup ต่อไป ยิ่งเราคิดน้อย เราจะเป็นเหยื่อของอารมณ์และตลาดมากเท่านั้น 

ก่อนจะเทรดคิดให้เยอะ พอเข้าเทรดคิดให้น้อย

ก่อนจะเทรดแต่ละเทรดต้องวางแผนคำนวณความเสี่ยงต่าง ๆ รวมถึงหาข้อมูลก่อนจะเข้าเทรดให้มากที่สุด แต่เมื่อเข้าเทรดไปเลย ควรปิดจอและไม่ต้องตรวจสอบบ่อยเกินไป ส่วนผมจะล็อคกำไรด้วยกราฟ 15m ในการเข้าเทรดครั้งแรกอาจจะมาดูแค่ 1-2 ชั่วโมงครั้ง เพื่อขยับจุดล็อคกำไร แต่อาจจะตั้งเตือนแถวกำไร 2R เผื่อกรณีกราฟวิ่งกระชากแรงแบบรวดเร็ว เราก็ล็อคความเสี่ยงได้เร็วขึ้น โดยหลังจากเทรดแล้วเราต้องคิดเรื่องเทรดให้น้อยที่สุด แค่ทำตามแผนที่วางไว้ และมาคิดอีกทีหลังจากจบเทรด โดยการจดบันทึก ทบทวนแต่ละเทรด และอารมณ์ของเราอย่างละเอียด 

ช่วงไม่ได้เทรดควรเช็คกราฟให้บ่อยและตั้งเตือนไว้เสมอ

การเทรดสั้นคือ การฉกฉวยโอกาสเพียงแค่ไม่กี่นาที ก่อนจะเข้าซื้อ เราควรตั้งเตือนและตรวจสอบรูปแบบกราฟและตลาดเสมอ เพื่อจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาด ก่อนที่เราจะเข้าเทรด แต่ถ้าเราเข้าเทรดแล้วควรทำตรงกันข้าม การเฝ้ากราฟเมื่อเข้าเทรดไปแล้ว มักส่งผลเสียมากกว่าผลดี 

เก็บกำไรเสมอ เมื่อกำไรเกิน 2R 

ถ้ากำไรเกิน 2R อย่างน้อยต้องล็อคทุนหรือกำไร 0.5-1R ไว้เสมอ ยิ่งกำไรมากขึ้นไปเท่าไร ก็ขยับจุดล็อคกำไร แต่อาจจะช้าลง แต่ต้องตั้ง sl ไว้เสมอ เพราะตลาดคริปโต สามารถไม่ว่าจะวิ่งไปไกลแค่ไหน ก็สามารถถล่มมาถึงจุด sl เราได้เวลาไม่กี่นาที 

ต้องมีวินัยในการดูแลอารมณ์ตัวเอง

การเทรดสั้น อารมณ์แจ่มใส และสมองปลอดโปร่งสำคัญมาก การเฝ้ากราฟตอนเทรดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมองเราจดจ่อกับสิ่งผิด ๆ เราควรรักษาอารมณ์และทำสมองให้แจ่มใสด้วยวิธีต่าง ๆ เสมอ เพราะการเทรดตัดสินกันที่ความคิดกันแบบเรียลไทม์ การที่สมองและอารมณ์เราไม่พร้อม จะมีผลต่อการตัดสินใจในการเทรดอย่างมาก เราต้องคอยตรวจสอบอารมณ์ตัวเองเสมอ ผมเคยละเลยจุดนี้ ตอนเราเทรดแย่ อารมณ์เราเสียและสมองเรามึนไม่รู้ตัว จนบางทีหงุดหงิดใส่คนรอบข้าง แต่เทรดเดอร์ที่ดีควรจะควบคุมจุดนี้ให้ได้ โดยจะต้องพยายามป้องกันอารมณ์ด้านลบด้วยวิธีต่าม ๆ ให้ได้มากที่สุด ตามวิธีถนัดของแต่ละคน 

การบริหารหน้าตักสำหรับการปั้นพอร์ต

ถ้าเงินน้อยและเราสามารถหาเงินก้อนนั้นมาได้ภายในเวลา 1 เดือน เราก็สามารถใช้กลยุทธแบ่งการเทรดเป็นจำนวนเงินคงที่ได้ เช่น เรามีเงินที่จะเอามาเทรดเดือนละ 3,000 บาท เราอาจจะเทรดด้วยความเสี่ยงในการเทรดครั้ัง 300 บาทได้ เพราะถ้าเราใช้ 1-2% ในการเทรด มันอาจจะน้อยเกินไป 1% ของ 3000 บาท ก็ขาดทุนไม้ละ 30 บาท อาจจะไม่คุ้ม ให้ใช้เงินจำนวนที่เราจะขาดทุนได้มาเทรด ถ้าขาดทุนเยอะก็สามารถมาเติมได้ในแต่ละเดือน แต่ถ้าพอร์ตเริ่มโตก็สามารถใช้ 0.5% – 2% ในการจำกัดความเสี่ยงของแต่ละเทรด หรืออาจจะไปสมัครเป็น Prop trade ก็ได้ 

ใส่ความเห็น

Comments (

0

)